พระราชบัญญัติคุ้มครองเเรงงาน พ.ศ. 2541
มาตรา 5 วางหลักว่า
“นายจ้าง” หมายความว่า ผู้ซึ่งตกลงรับลูกจ้างเข้าทำงานโดยจ่ายค่าจ้างให้และหมายความรวมถึง
(1) ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำงานแทนนายจ้าง
(2) ในกรณีที่นายจ้างเป็นนิติบุคคลให้หมายความรวมถึงผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลและผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลให้ทำการแทนด้วย
“ลูกจ้าง” หมายความว่า ผู้ซึ่งตกลงทำงานให้นายจ้างโดยรับค่าจ้างไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร
“สัญญาจ้าง” หมายความว่า สัญญาไม่ว่าเป็นหนังสือหรือด้วยวาจาระบุชัดเจน หรือเป็นที่เข้าใจโดยปริยายซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่าลูกจ้างตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกบุคคลหนึ่งเรียกว่านายจ้างและนายจ้างตกลงจะให้ค่าจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้
ประมวลกฎหมายเเพ่งเเละพาณิชย์
มาตรา 575 วางหลักว่า อันว่าจ้างแรงงานนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้
การที่โจทก์ได้รับมอบหมายจากจำเลยให้ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับลูกค้าของจำเลยซึ่งเป็นชาวต่างชาติ เเม้ไม่ปรากฏว่าต้องเริ่มงานเวลาใดถึงเวลาใดก็ตาม เเต่จำเลยก็มีอำนาจสั่งให้โจทก์ไปทำงานที่โครงการอื่นได้ ไม่เฉพาะติดต่อกับชาวต่างชาติคนนั้นเท่านั้น เเละโจทก์ยังไม่อาจหยุดงานได้ตามอำเภอใจ เเต่ต้องเเจ้งให้กรรมการจำเลยทราบก่อน ย่อมเห็นได้ว่า โจทก์ต้องทำงานอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของจำเลย ไม่ได้มีอิสระในการทำงานเเต่อย่างใด
อีกทั้งจำเลยได้จ่ายค่าจ้างให้โจทก์เป็นรายเดือน ซึ่งเป็นเงินจำนวนเเน่นอนเท่ากันทุกเดือนเพื่อตอบการทำงาน โดยไม่ได้คำนึงถึงผลสำเร็จของงานเป็นสำคัญ นอกจากนั้นโจทก์ยังมีสิทธิได้รับสิทธิเเละสวัสดิการต่างๆจากจำเลย
เห็นได้ว่า สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยนั้นเป็นสัญญาจ้างแรงงานตามประมวลกฎหมายเเพ่งเเละพาณิชย์ มาตรา 575 และดังนั้น โจทก์เเละจำเลยจึงเป็นนายจ้างลูกจ้างกันตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 5
คำพิพากษาฎีกาที่ 1468/2562 โจทก์ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับลูกค้าชาวต่างชาติชื่อนายดาเร็น แม้ไม่ปรากฎว่าต้องเริ่มทำงานเวลาใดถึงเวลาใด แต่ทางปฏิบัติเป็นที่เข้าใจว่าโจทก์ต้องมาดูแลและอยู่ในพื้นที่ตลอดเวลา และจำเลยยังอาจสั่งให้โจทก์ไปทำงานที่โครงการอื่นได้ ไม่เฉพาะแต่งานก่อสร้างรายนายดาเร็นเท่านั้น ดังจะเห็นได้จากโจทก์เริ่มทำงานกับจำเลยในโครงการชื่ออินฟินิตี้ก่อนที่จะมีการสร้างบ้านนายดาเร็น แม้บ้านนายดาเร็นจะสร้างเสร็จแล้ว โจทก์ก็ยังคงทำงานอยู่ต่อ ส่วนการลาหยุดได้ความว่า กรณีโจทก์ป่วย โจทก์ต้องโทรศัพท์แจ้งให้กรรมการของจำเลยทราบก่อน โดยโจทก์ไม่อาจหยุดงานได้ตามอำเภอ ทั้งจำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์เป็นรายเดือนมีจำนวนแน่นอนเท่ากันทุกเดือน มีลักษณะเป็นการจ่ายเพื่อตอบแทนการทำงาน ไม่ได้คำนึงถึงผลสำเร็จของงานเป็นสำคัญ และจ่ายให้ตลอดระยะเวลาที่โจทก์ทำงาน ทั้งโจทก์ได้รับสิทธิ สวัสดิการต่างๆ เหมือนพนักงานลูกจ้างคนอื่นของจำเลย เท่ากับโจทก์ปฏิบัติงานไม่เป็นอิสระแต่ต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของจำเลย จำเลยมีอำนาจสั่งให้โจทก์ไปทำงานที่โครงการอื่นของจำเลยได้ แม้ไม่ปรากฏว่าโจทก์ต้องปฏิบัติตามระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอย่างเคร่งครัด แต่การที่โจทก์จะหยุดงานต้องแจ้งให้กรรมการของจำเลยทราบก่อน เช่นนี้ โจทก์จึงไม่ได้มีอิสระในการทำงาน สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นสัญญาจ้างแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 และพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 5