คลังเก็บป้ายกำกับ: ตั๋วเงิน

ประเด็น : ผู้ซื้อแคชเชียร์เช็คไม่ใช่ผู้ทรงไม่มีสิทธิฟ้องธนาคารให้ชำระเงินตามเช็ค

คำพิพากษาฎีกาที่ 6951/2562 แคชเชียร์เช็คพิพาทระบุชื่อโจทก์ที่ 1 เป็นผู้รับเงิน แม้ไม่ได้ขีดฆ่าคำว่า “หรือตามคำสั่ง”แต่ได้มีการขีดคร่อมพร้อมกับมีข้อความว่า “A/C Payee Only” ในช่องขีดคร่อม อันมีความหมายว่าห้ามเปลี่ยนมือและต้องจ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ที่ 1 ที่มีแก่ธนาคารเท่านั้น โจทก์ที่ 1 จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท แม้ในช่วงแรกของการเรียกร้องกันโจทก์ที่ 1 จะปฏิเสธไม่รับรู้การทำประกันชีวิตให้แก่โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 7 “แต่ตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา 70/1 บัญญัติให้บริษัทประกันชีวิตต้องร่วมรับผิดกับตัวแทนประกันชีวิตต่อความเสียหายที่ตัวแทนประกันชีวิตนั้นได้ก่อขึ้นจากการกระทำการเป็นตัวแทนประกันชีวิตของบริษัท โจทก์ที่ 1 จึงเป็นผู้ทรงแคชเชียร์เช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสาม

โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 7 เป็นผู้ซื้อแคซเชียร์เช็คจากธนาคารผู้ออกเช็คมิได้เป็นผู้ทรงแคชเชียร์เช็คพิพาท จึงมิใช่เจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1000 ที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ให้รับผิดชดใช้เงินตามแคชเชียร์เช็คพิพาท

โจทก์ที่ 1 เป็นผู้ทรงแคชเชียร์เช็ดพิพาทขีดคร่อมพร้อมกับมีข้อความว่า “A/C PayeeOnly” ในช่องขีดคร่อมซึ่งมีความหมายทำนองเดียวกับ “เปลี่ยนมือไม่ได้” หรือ “ห้ามเปลี่ยนมือ”ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 995 การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้มีวิชาชีพประกอบการธนาคารเรียกเก็บเงินตามแคชเชียร์เช็คพิพาทไปเข้าบัญชีของจำเลยที่ 3 ทั้งที่ต้องนำเงินตามแคชเชียร์เช็คพิพาทเข้าบัญชีของโจทก์ที่ 1 เท่านั้น ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 กระทำการโดยประมาทเลินเล่อ. เป็นกระทำละเมิดต่อโจทก์

โจทก์ที่ 1 เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทขีดคร่อมและมีข้อความว่า “A/C Payee Only” มีความหมายทำนองเดียวกับ “เปลี่ยนมือไม่ได้” หรือ “ห้ามเปลี่ยนมือ” และมีอำนาจฟ้องธนาคารจำเลยที่ 1 ที่ต้องนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของโจทก์ที่ 1 เท่านั้น แต่นำเข้าบัญชีของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 1 และต้องถือว่าวันที่จำเลยที่ 1 สามารถเรียกเก็บเงินและนำเงินเข้าบัญชีของจำเลยที่ 3 เป็นเวลาที่มีการกระทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 ที่โจทก์ที่ 1 มีสิทธิเริ่มคิดดอกเบี้ยเป็นต้นไป

ประเด็น : กรรมการผู้จัดการลงลายมือชื่อออกเช็คของบริษัท แต่มิได้ประทับตราบริษัทและมิได้แถลงว่ากระทำการแทนบริษัท บริษัทและกรรมการผู้จัดการต้องร่วมกันชำระเงินตามเช็คต่อผู้ทรง ฎีกา 5415/2560

ฎ.5415/2560 แม้จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล การดำเนินการใดๆ ย่อมต้องทำผ่านทางผู้แทนคือ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน และการสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับของจำเลยที่ 2 ถือเป็นการกระทำตามหน้าที่ภายในขอบวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่ขณะออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับ จำเลยที่ 2 มีอำนาจกระทำแทนจำเลยที่ 1 โดยลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับ โดยไม่ได้ประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นกรณีที่สืบเนื่องมาจากหนังสือของธนาคารแห่งประเทศไทย และเป็นไปตามเงื่อนไขระหว่างจำเลยที่ 1 เจ้าของเช็ค กับธนาคารตามเช็ค ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 และตราสารจัดตั้งที่ได้จดทะเบียนไว้ ประกอบกับในเรื่องตั๋วเงินตาม ป.พ.พ. มาตรา 900 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้บุคคลผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คต้องรับผิด ตามเนื้อความในเช็ค และมาตรา 901 บัญญัติให้บุคคลผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คปฏิเสธความรับผิดตามเนื้อความในเช็คได้ก็ต่อเมื่อกระทำแทนบุคคลอื่นและเขียนแถลงว่ากระทำการแทนบุคคลอื่นเท่านั้น ดังนั้น การที่เช็คพิพาททั้งสองฉบับเป็นของจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย โดยไม่ได้ประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 และไม่ได้เขียนข้อความให้เห็นว่ากระทำแทนจำเลยที่ 1 เช่นนี้ ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 กระทำในนามส่วนตัวด้วย และต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดตามเนื้อความในเช็คชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

ประเด็น : ผู้ทรงตั๋วแลกเงินผ่อนเวลาให้แก่ผู้จ่าย ทำให้ผู้สั่งจ่ายที่มิได้ยินยอมด้วยหลุดพ้นจากความรับผิด หนังสือรับสภาพหนี้ที่ผู้สั่งจ่ายทำไว้ย่อมตกเป็นโมฆะเพราะทำโดยสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม

ฎ.921/2501 ผู้ทรงตั๋วแลกเงินไปยอมผ่อนเวลาการจ่ายเงินให้แก่ผู้จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินโดยมิได้ตกลงกับผู้สั่งจ่ายเสียก่อน ผู้ทรงตั๋วนั้นย่อมสิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ย และผู้สั่งจ่ายก็พ้นจากความรับผิดอย่างใดๆ ตามกฎหมายต่อผู้ทรง

ในกรณีดังกล่าวข้างต้น ถ้าผู้สั่งจ่ายยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่ผู้ทรง ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมเพราะขณะนั้นไม่มีหนี้อะไรเหลืออยู่แล้วแม้หนี้เดิมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1005 ก็ไม่ต้องรับผิด หนังสือรับสภาพหนี้นั้นจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119

การบรรยายเนติฯ วิชา ตั๋วเงิน ครั้งที่ 3 ท่านอาจารย์ประทีป เฉลิมภัทรกุล ได้พูดถึงประเด็นที่น่าสนใจไว้ดังนี้

รายการในตั๋วเงิน ในเรื่อง “วันถึงกำหนดใช้เงิน” ตาม ป.พ.พ.มาตรา 909 (4) ของตั๋วแลกเงิน และ มาตรา 983(3) ของตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น หากไม่มีรายการดังกล่าว มาตรา 910 วรรคสองและมาตรา 984 วรรคสอง บัญญัติไว้เหมือนกันว่า ตั๋วแลกเงิน/ตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งไม่ระบุเวลาใช้เงิน ท่านให้ถือว่าพึงใช้เงินเมื่อได้เห็น

.

อย่างไรก็ดี รายการในเช็ค ตามมาตรา 988 ไม่มีรายการวันถึงกำหนดใช้เงิน แต่ศาลฎีกาแปลว่าวันถึงกำหนดก็คือวันที่ลงในเช็ค เช่น วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 หยิบเช็คขึ้นมา 1 ใบชำระหนี้เขา เขียนลงในเช็คสั่งจ่ายเช็คลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 วันที่ 10  กุมภาพันธ์ 2564 นี้เป็นวันที่ลงไว้ในเช็ค เพราะฉะนั้นวันที่จะให้เรียกใช้เงินก็ดี วันที่เช็คถึงกำหนดขึ้นเงินก็ดี วันที่นับอายุความในคดีแพ่งก็ดี ต้องถือเอาวันที่ลงในเช็ค คือวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 นั่นเอง

ประเด็น : ผู้ทรงไม่นำเช็คไปเรียกเก็บเงินภายในกำหนด ผู้รับอาวัลไม่หลุดพ้นจากความรับผิด

ฎีกา 2460/2526 จำเลยที่ 2 สลักหลังเช็คซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921 ให้ถือว่าการสลักหลังนั้นเป็นเพียงประกัน (อาวัล)สำหรับผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ 2 จึงต้องผูกพันตนเป็นอย่างเดียวกันและรับผิดร่วมกันกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงตามมาตรา 940,967,989

กำหนดเวลาที่ต้องยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 เป็นเรื่องเงื่อนไขแห่งสิทธิไล่เบี้ยของผู้ทรงเช็คต่อผู้สลักหลังโอนเช็คเท่านั้น มิได้รวมถึงผู้สลักหลังเช็คในฐานะผู้รับประกันการใช้เงิน (ผู้รับอาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตามเช็คนั้นด้วย

จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้สลักหลังเช็ครู้เห็นยินยอมด้วยกับการที่จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายแก้วันที่สั่งจ่ายในเช็คอันเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อสำคัญในเช็คนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1007

ประเด็น : สั่งจ่ายเช็คตายก่อนเช็คถึงกำหนด หนี้ตามเช็คไม่ระงับ ผู้ทรงฟ้องทายาทผู้สั่งจ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้เช็คถึงกำหนดและไม่ต้องนำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารก่อน

ฎีกา 1003/2524 ประชุมใหญ่ กรณีที่ผู้สั่งจ่ายเช็คตาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 992 ได้บัญญัติถึงหน้าที่และอำนาจของธนาคารซึ่งจะใช้เงินตามเช็คอันเบิกแก่ตนนั้นว่าเป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อรู้ว่าผู้สั่งจ่ายตาย เมื่อ ส. ผู้สั่งจ่ายตายโจทก์ในฐานะผู้ทรงซึ่งทราบอำนาจหน้าที่ของธนาคารตามข้อกฎหมายดังกล่าว จึงไม่จำต้องนำเช็คพิพาทไปขอรับเงินจากธนาคารเสียก่อนกรณีไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 990เมื่อ ส. ตายบรรดาทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตายตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่างๆ ย่อมตกได้แก่ทายาทตามมาตรา1599,1600 จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ ส. ได้รับการบอกกล่าวให้ชำระหนี้เงินตามเช็คที่ ส. เป็นผู้สั่งจ่ายให้แก่โจทก์แล้วเพิกเฉยถือได้ว่าสิทธิของโจทก์ในมูลหนี้เงินดังกล่าวได้มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2524)

การบรรยายวิชา ตั๋วเงิน วันที่ 21 มิถุนายน 2564 อ.ประทีป เฉลิมภัทรกุล มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

ความรับผิดของผู้รับอาวัล คือ รับผิดต่อเจ้าหนี้ในตั๋วเงิน ซึ่งได้แก่ผู้ทรง โดยผู้ทรงจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับตั๋วมาโดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้าเป็นผู้ทรงที่ได้รับตั๋วมาโดยไม่ชอบ ผู้รับอาวัลก็ไม่ต้องรับผิด โดยอาจารย์มีตัวอย่างฎีกาที่น่าสนใจดังนี้

.

ฎีกา 3292/2536 บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ บ. ออกตั๋วสัญญาใช้เงินชนิดเปลี่ยนมือไม่ได้ให้แก่บริษัท ส. จำเลยลงชื่อเป็นผู้อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น ต่อมาบริษัท ส. ทำหนังสือโอนสิทธิเรียกร้องตามตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่โจทก์โดยได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ออกตั๋วแล้วเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306 วรรคแรก มาตรา 917 วรรคสองประกอบมาตรา 985 วรรคแรก โจทก์จึงเป็นผู้รับโอนโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยซึ่งเป็นผู้รับอาวัลตั๋วจึงต้องรับผิดต่อโจทก์

.

อาจารย์ให้ความเห็นว่าเป็นฎีกาที่น่าสนใจ และ น่านำมาแต่งเป็นเรื่องของเช็ค

ประเด็น : กรรมการลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คของบริษัท แต่ไม่ได้ประทับตราบริษัทและไม่ได้เขียนว่ากระทำการแทน บริษัทและกรรมการต้องร่วมกันรับผิดตามเนื้อความในเช็ค

คำพิพากษาฎีกาที่ 5346/2563 จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล การดำเนินการใด ๆ ย่อมต้องทำผ่านทางผู้แทนคือจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนและการสั่งจ่ายเช็คพิพาท 8 ฉบับของจำเลยที่ 2 ถือเป็นการกระทำตามหน้าที่ภายในขอบวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1ในการชำระราคาสินค้าที่จำเลยที่ 1 ว่าจ้างโจทก์ผลิต ก็ตาม แต่ในเรื่องตั๋วเงินนั้นป.พ.พ. มาตรา 900 รรคหนึ่ง บัญญัติให้บุคคลผู้ลงลายมือชื่อในเช็คต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คและมาตรา 901 บัญญัติให้บุคคลผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คปฏิเสธความรับผิดตามเนื้อความในเช็คได้ก็ต่อเมื่อกระทำแทนบุคคลอื่นและเขียนแถลงว่ากระทำการแทนบุคคลอื่นเท่านั้น ดังนั้น การที่เช็คพิพาท 8 ฉบับ มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายโดยไม่ได้ประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 อันจะถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายเช็ค และไม่ได้เขียนข้อความให้เห็นว่ากระทำแทนจำเลยที่ 1 เช่นนี้ จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 2 กระทำในนามส่วนตัวด้วยและต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คซึ่งมีมูลหนี้จากการที่จำเลยที่ 1 ต้องชำระค่าจ้างผลิตสินค้าให้โจทก์และเมื่อมีการชำระเงินตามเช็คเพียงบางส่วนยังไม่ครบถ้วน จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระเงินในส่วนที่ค้างชำระแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

การบรรยายเนติฯ วิชา ตั๋วเงิน ครั้งที่ 8 ท่านอาจารย์ประทีป เฉลิมภัทรกุล ได้พูดถึงฎีกาใหม่ที่น่าสนใจไว้ในเรื่อง การวินิจฉัยในเรื่องความระมัดระวังหรือความประมาทเลินเล่อของธนาคาร ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1008 วรรคหนึ่ง มีฎีกาใหม่ที่อยากให้นักศึกษาจดเอาไว้ ดังนี้

คําพิพากษาฎีกาที่ 5168/2562 รายงานการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาทมีคุณสมบัติการเขียนรูปลักษณะลายมือชื่อแตกต่างกันกับที่ปรากฏในการ์ดตัวอย่างลายมือชื่อ การที่จำเลยจ่ายเงินตามเช็คปลอมให้ อ. เบิกถอนเงินไปจากบัญชีของโจทก์ จึงเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของพนักงานจำเลยด้วย ถือว่าจำเลยจ่ายเงินตามเช็คพิพาทและหักบัญชีกระแสรายวันเอาแก่โจทก์โดยละเมิด แม้จะมีข้อตกลงตามคำขอเปิดบัญชีกระแสรายวันว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดในการจ่ายเงินตามเช็คในกรณีที่โจทก์ประมาทเลินเล่อในการเก็บรักษาเช็ค เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้เช็คไปและมีผู้ปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายนำมาเบิกเงินจากจำเลยก็ตาม จำเลยก็จะยกข้อตกลงดังกล่าวขึ้นอ้างเป็นข้อยกเว้นว่าโจทก์ตกอยู่ในฐานเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทปลอม เป็นข้อต่อสู้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1008 วรรคหนึ่ง เพื่อให้จำเลยหลุดพ้นความรับผิดฐานละเมิดต่อโจทก์หาได้ไม่

ออกเช็คมอบให้แก่คู่สัญญาเพื่อนําไปชําระหนี้แก่บุคคลอื่น มีข้อตกลง ระหว่างผู้สั่งจ่ายเช็คกับคู่สัญญาว่าเมื่อผู้สั่งจ่ายเช็คได้รับโอนกรรมสิทธิ์โครงการจากคู่สัญญา แล้ว เช็คจึงจะเรียกเก็บเงินได้ ดังนี้ หากมีการผิดสัญญาซื้อขายโครงการกันผู้สั่งจ่ายจะยกเรื่อง ดังกล่าวมาเป็นข้อต่อสู้ผู้ทรงโดยสุจริต ได้หรือไม่

ค่าพิพากษาฎีกาที่ 5016/2560 จําเลยทั้งสามให้การยอมรับว่าได้ลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทแล้ว แต่อ้างว่าเช็ค พิพาทไม่มีมูลหนี้จึงไม่ต้องรับผิดชําระเงินตามเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคหนึ่ง ภาระการพิสูจน์ย่อมตกแก่ฝ่ายจําเลย  จําเลยที่ 1 ประสงค์จะซื้อห้องชุดคืนจากโจทก์ในราคาทุน กล่าวคือ โจทก์ได้รับชําระมัดจําในการซื้อห้องชุดจากบริษัท ส. ไปเท่าใด จําเลยที่ 1 จะสั่งจ่ายเช็คเงินสดเพื่อให้ บริษัท ส. นําไปชําระคืนให้แก่โจทก์เป็นจํานวนเท่ากัน เช่นนี้ การที่บริษัท ส. นําเช็คของ จําเลยที่ 1 ไปชําระหนี้คืนให้แก่โจทก์ย่อมเป็นไปตามความประสงค์ของจําเลยที่ 1 และเป็นความยินยอมของจําเลยที่ 1 ที่ให้บริษัท ส. ใช้เช็คของจําเลยที่ 1 ไปชําระหนี้ให้แก่โจทก์ หาใช่เช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ไม่ การที่โจทก์ครอบครองเช็คฉบับเดิมแล้วเปลี่ยนเป็นเช็คพิพาท ก็ยังเป็นการครอบครองเช็คดังกล่าวไว้โดยสุจริต จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย มีอํานาจฟ้องจําเลยที่ 1 ในฐานะผู้สั่งจ่าย และจําเลยที่ 3 ในฐานะผู้สลังหลังเช็คพิพาทผู้ถือซึ่งเป็นเพียงประกัน (อาวัล) ผู้สั่งจ่ายย่อมต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกันกับจําเลยที่ 1 ซึ่งตนประกันตามเช็คพิพาทแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921, 940 วรรคหนึ่งประกอบด้วยมาตรา 989 ให้รับผิดตามเช็คได้ แม้จะมีบันทึกข้อตกลงยอมความเรื่องการประนีประนอมยอมความระหว่างผู้จองซื้อห้องชุดกับบริษัท ส. ซึ่งทําให้ โจทก์มีสิทธิเลือกเอาว่าจะใช้สิทธิเรียกร้องเอาจากบริษัท ส. หรือเรียกร้องเอาจากจําเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายเช็คทางใดทางหนึ่งก็ได้ หาได้ห้ามโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องเอาจากจําเลยที่ 1 ซึ่งเป็น ผู้สั่งจ่ายเช็คไม่  เช็คเป็นตราสารที่สามารถโอนเปลี่ยนมือกันได้ เช็คพิพาทเป็นเช็คผู้ถือย่อมสามารถโอนเปลี่ยนมือได้ด้วยการส่งมอบให้แก่กันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 918 ประกอบด้วยมาตรา 989 โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนเช็คหาจําต้องมีนิติสัมพันธ์กับจําเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายไม่ แม้จําเลยที่ 1 และที่  3 อ้างว่าการจ่ายเงินมีเงื่อนไขว่าเมื่อจําเลยที่ 1 ได้รับโอนกรรมสิทธิ์โครงการจากบริษัท ส. แล้ว เช็คจึงจะเรียกเก็บเงินได้ เมื่อบริษัท ส. ผิดสัญญาซื้อขายโครงการกับจําเลยที่ 1 เพราะไม่โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของโครงการให้แก่จําเลยที่ 1 ฝ่ายจําเลยชอบที่จะระงับการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทนั้น เป็นเพียงความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจําเลยที่ 1 กับบริษัท ส. เท่านั้น จําเลยที่ 1 ไม่อาจยกขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงคนปัจจุบันตามมาตรา 916 ประกอบด้วยมาตรา 989