
การที่ผู้ร้องมีส่วนก่อให้จำเลยกระทำความผิดด้วย ผู้ร้องจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 2 (4) ย่อมไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีอาญาร่วมกับพนักงานอัยการตามมาตรา 30 เเต่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนเเพ่งตามมาตรา 44/1 ได้
เมื่อผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 44/1 เเล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้องขอผู้ร้อง แม้ผู้ร้องไม่ได้ฎีกาในเรื่องค่าสินไหมทดแทนมาด้วย เเต่คดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกคดีส่วนเเพ่งขึ้นมาวินิจฉัยเพื่อให้เป็นไปตามผลคดีอาญาตามมาตรา 46 ได้ ดังนั้น ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้ผู้ร้้องได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 44/1 ได้ เเม้ผู้ร้องไม่ได้ฎีกาขึ้นมาก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7004/2561 ผู้ร้องมีส่วนในการก่อให้จำเลยกระทำความผิดคดีนี้ จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยตามความใน ป.วิ.อ. มาตรา 2 (4) ไม่มีสิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีอาญาตามมาตรา 30 แต่มีสิทธิยื่นคำร้องส่วนแพ่งขอเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย ตามมาตรา 44/1 ได้ เมื่อการกระทำของจำเลยมิใช่เป็นการกระทำโดยป้องกันพอสมควรแก่เหตุโดยสำคัญผิด แต่เป็นการทำร้ายร่างกายผู้ร้องโดยบันดาลโทสะซึ่งกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด คดีในส่วนแพ่งจำต้องถือตามข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ดังที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา 46 โดยฟังว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อผู้ร้องและต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามคำร้องขอค่าสินไหมทดแทนของผู้ร้อง แม้ผู้ร้องไม่ได้ฎีกาเรื่องค่าสินไหมทดแทนมาด้วย ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกคดีส่วนแพ่งขึ้นวินิจฉัยเพื่อให้เป็นไปตามผลคดีอาญาได้เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225