
คำพิพากษาฎีกาที่ 2546/2560 พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 กับ พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 กำหนดการเยียวยาแก่ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างไว้แตกต่างกันและเป็นกฎหมายคนละฉบับ กล่าวคือถ้านายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยหรือสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ารวมทั้งเงินอย่างหนึ่งอย่างใดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ลูกจ้างมีสิทธิยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานขอให้บังคับนายจ้างจ่ายเงินดังกล่าวได้ ตามมาตรา 123 และมาตรา 124 โดยไม่จำต้องคำนึงว่าการเลิกจ้างของนายจ้างนั้นเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 121 และมาตรา 123 หรือไม่ เพราะหากการเลิกจ้างด้วยเหตุดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมด้วยก็ไม่ตัดสิทธิลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างจะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการแรงานสัมพันธ์เพื่อพิจารณาวินิจฉัยตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 124 และคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มีอำนาจวินิจฉัยออกคำสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือให้จ่ายค่าเสียหายหรือให้นายจ้างปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งได้ตามที่เห็นสมควรตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 125 และมาตรา 41(4) ทั้ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 7 บัญญัติว่า การเรียกร้องหรือการได้มาซึ่งสิทธิหรือประโยชน์ตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่เป็นการตัดสิทธิหรือประโยชน์ที่ลูกจ้างพึงได้ตามกฎหมายอื่น ดังนั้น การที่ลูกจ้างทั้งสิบของโจทก์นำเหตุแห่งการเลิกจ้างเดียวกันไปร้องทั้งต่อพนักงานตรวจแรงงานและคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ จึงไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิซ้ำซ้อน ทั้งยังไม่อาจถือได้ว่าลูกล้างทั้งสิบสละสิทธิหรือไม่ถือเอาประโยชน์ตามคำสั่งของจำเลย