ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1169 วรรคหนึ่ง วางหลักว่า ถ้ากรรมการทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัท บริษัทจะฟ้องร้องเรียกเอาสินไหมทดแทนแก่กรรมการก็ได้ หรือในกรณีที่บริษัทไม่ยอมฟ้องร้อง ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดจะเอาคดีนั้นขึ้นว่าก็ได้
หลักเกณฑ์ของมาตรา 1169วรรคหนึ่ง
1. กรรมการก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท
2. บริษัท (และกรรมการผู้มีอำนาจอื่น ถ้ามี) ไม่ยอมฟ้องร้อง
3. ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดจะฟ้องคดีเองก็ได้ แต่ต้องฟ้องให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บริษัท
แม้ ป.พ.พ. มาตรา 1169 จะให้สิทธิผู้ถือหุ้นฟ้องร้องเรียกเอาสินไหมทดแทนแก่กรรมการที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทได้ ในกรณีที่บริษัทไม่ยอมฟ้องร้องก็ตาม เเต่ก็ให้สิทธิเฉพาะฟ้องเพื่อเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากกรรมการเท่านั้น จะฟ้องโดยมีคำขออื่นๆไม่ได้ การที่ผู้ถือหุ้นฟ้องกรรมการโดยมีคำขอให้ศาลพิพากษาให้เพิกถอนสำเนาเอกสารต่างๆ และให้สำเนาต่างๆ ตกเป็นโมฆะย่อม ไม่ใช่เป็นการฟ้องเพื่อเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากกรรมการผู้ทำให้บริษัทเสียหาย อันมาตรา 1169 ให้อำนาจไว้ ดังนั้น ผู้ถือหุ้นจึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนสำเนาเอกสารต่างๆเเละให้สำเนาต่างๆตกเป็นโมฆะได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4065/2561 บทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 1169 เป็นกรณีที่ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิฟ้องแทนหรือฟ้องเพื่อประโยชน์ของบริษัทเฉพาะกรณีที่บริษัทไม่ฟ้องและเป็นการฟ้องเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากกรรมการของบริษัทเท่านั้น แต่การที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท ท. โดยมีคำขอให้พิพากษาว่า หนังสือยืนยันการชำระค่าหุ้นและการเก็บรักษาค่าหุ้น สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และบันทึกข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตกเป็นโมฆะกับให้เพิกถอนสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น และบันทึกข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังกล่าว หาใช่เป็นการฟ้องเพื่อเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยทั้งสามไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามในส่วนนี้
ผู้ถือหุ้นฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมและให้โอนทรัพย์สินกลับมาเป็นของบริษัทไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4605/2561 โจทก์กล่าวอ้างว่าโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นที่แท้จริงในบริษัทจำเลยที่ 1 โดยบรรดาผู้ถือหุ้นทุกคนของบริษัทจำเลยที่ 1 ถือหุ้นแทนโจทก์ หากเป็นจริงดังที่กล่าวอ้าง โจทก์ก็มีสถานะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ 1 ซึ่งผู้ที่เป็นเพียงผู้ถือหุ้นของบริษัท ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัทซึ่งเป็นผู้แทนนิติบุคคลของบริษัท จะมีสิทธิแต่เพียงควบคุมการดำเนินงานของกรรมการบริษัทบางประการตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น หาอาจก้าวล่วงเข้าไปจัดการงานของบริษัทเสียเองได้ไม่ หรือหากกรรมการทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัท ซึ่งบริษัทมีสิทธิจะฟ้องร้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนแก่กรรมการแล้วบริษัทไม่ยอมฟ้องร้อง ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดจะเอาคดีนั้นขึ้นว่าก็ได้ตามมาตรา 1169 วรรคหนึ่ง อันเป็นการใช้สิทธิของบริษัทเพื่อประโยชน์ของบริษัท แต่ผู้ถือหุ้นหาอาจจะเข้ามาดำเนินการฟ้องเพิกถอนนิติกรรมสัญญาที่กรรมการบริษัทกระทำไปตามอำนาจหน้าที่ไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้นิติกรรมการจดทะเบียนซื้อขายทรัพย์สินตามฟ้องระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 5 เป็นโมฆะ และให้โอนทรัพย์สินกลับมาเป็นของจำเลยที่ 1 ตามเดิม หากไม่สามารถกระทำได้ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ร่วมกันชำระเงินแทน ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ฟังขึ้น
คำพิพากษาฎีกาที่ 3193/2558, 2481/2552, 6250/2541 วินิจฉัยเเนวเดียวกัน