คลังเก็บป้ายกำกับ: กฎหมายลักษณะพยาน

เอกสารที่อ้างส่งในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ จะต้องระบุไว้ในบัญชีระบุพยาน และส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 88, 90 หรือไม่

ฎ.4276/2532 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88, 90 การยื่นบัญชีระบุพยานและการส่งสำเนาเอกสารนั้นใช้บังคับเฉพาะการสืบพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้ออ้างข้อเถียงในประเด็นแห่งคดีที่พิพาทไม่ใช้บังคับในการไต่สวนคำร้องที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นข้อพิพากทในคดี 

ก่อนฟ้องคดีโจทก์รู้ว่าจำเลยอยู่บ้านเลขที่ 1274/27 ดังนั้นเมื่อส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่บ้านเลขที่ 1274/115 อันเป็นสำนักทำการงานของจำเลยไม่ได้ โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลย ณ บ้านเลขที่ 1274/27 อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยการที่ศาลอนุญาตให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยทราบคำฟ้องและวันนัดสืบพยาน กรณีมีเหตุที่จะให้พิจารณาใหม่ 

คดีแพ่งสามัญ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระค่าสินค้าตามสัญญาซื้อขายซึ่งโจทก์จำเลยได้ตกลงกำหนดราคาสินค้ากันไว้แล้ว มีข้อตกลงชำระค่าสินค้าเป็นงวด แต่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินค้าบางส่วน จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลให้โจทก์ส่งพยานเอกสารโดยมิได้ให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาสืบ ดังนี้ การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชอบหรือไม่

คำพิพากษาฎีกที่ 3514/2550 

จำเลยฎีกาประการแรกว่า คดีนี้เป็นกรณีที่โจทก์มีคำขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงินอันไม่อาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน โจทก์ส่งพยานเอกสารโดยมิได้นำพยานหลักฐานมาสืบ จึงถือว่าคดีของโจทก์ไม่มีมูล ศาลชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียนั้น 

เห็นว่า ตามคำฟ้องเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระค่าสินค้าตามสัญญาซื้อขายซึ่งโจทก์จำเลยได้ตกลงกำหนดราคาสินค้ากันไว้แล้วเป็นเงินจำนวน 1,320,930 บาท ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินค้าจำนวน 971,497.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดคำนวณถึงวันฟ้องรวมเป็นเงิน 1,033,836.87 บาท จึงเป็นกรณีที่โจทก์มีคำขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงินจำนวนแน่นอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 198 ทวิ วรรคสาม (1) ดังนั้น แม้การซื้อขายดังกล่าวจะมีข้อตกลงชำระค่าสินค้าเป็นงวดและโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่สินค้าไม่ครบจำนวนตามสัญญาเนื่องจากจำเลยชำระค่าสินค้าบางส่วนแก่โจทก์และโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับจำนวนเงินค่าสินค้าก็ไม่เป็นเหตุให้คดีของโจทก์กลับกลายเป็นคดีที่โจทก์มีคำขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงินอันไม่อาจกำหนดจำนวนได้แน่นอน การที่โจทก์ส่งพยานเอกสารแทนการสืบพยานตามคำสั่งศาลชั้นต้นจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย ศาลชอบที่จะรับฟังพยานเอกสารของโจทก์ดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานในคดีได้ 

หนังสือสัญญาขายที่ดินระบุว่า ผู้ขายยอมขายที่ดินโฉนดเลขที่พร้อมสิ่งปลูกสร้างแก่ผู้ซื้อและได้รับเงินค่าที่ดินครบถ้วนแล้ว ผู้ขายจะนําพยานบุคคลมาสืบว่าความจริงตกลงขายที่ดินแก่ผู้ซื้อเพียงครึ่งเดียว สัญญาขายที่ดินทั้งแปลงเป็นนิติกรรมอําพรางสัญญาขายที่ดินเฉพาะส่วนตามที่ให้การต่อสู้ไว้ได้หรือไม่

คําพิพากษาฎีกาที่ 1997/2562 

 จําเลยให้การว่า จําเลยตกลงขายที่ดินพิพาทแก่โจทก์เพียงครึ่งเดียว โดยแบ่งตามแนวร่องน้ำกลางสวน จําเลยขายที่ดินฝั่งร่องน้ำด้านทิศตะวันออกแก่โจทก์ ส่วนที่ดินฝังร่องน้ำด้านทิศตะวันตกยังเป็นของจําเลย มีข้อตกลงให้จําเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งแปลงให้แก่โจทก์เพื่อให้โจทก์นําไปเป็นหลักประกันเงินกู้กับธนาคารนําเงินมาชําระราคาที่ดินให้แก่จําเลย โดยชําระหนี้แก่ธนาคารแทนจําเลย เมื่อโจทก์ชําระหนี้ธนาคารและไถ่ถอนจํานองแล้ว โจทก์จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนของจําเลยให้แก่จําเลย หลังจากโอนจําเลยมอบที่ดินฝั่งร่องน้ำด้านทิศตะวันออกให้แก่โจทก์เข้าครอบครองและทําประโยชน์แล้ว ส่วนจําเลยยังคงครอบครองและทําประโยชน์ในที่ดินฝั่งร่องน้ำด้านทิศตะวันตกตลอดมา โจทก์และจําเลยเป็นญาติกันจึงไว้วางใจ แต่โจทก์กลับกล่าวอ้างว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งแปลงแล้วนําสัญญาขายที่ดินทั้งแปลงซึ่งเป็นนิติกรรมอําพรางสัญญาขายที่ดินเฉพาะส่วนมาเป็นมูลเหตุฟ้องขับไล่จําเลยนั้น เป็นคําให้การในทํานองว่าสัญญาขายที่ดินพิพาทในส่วนที่ดินด้านทิศตะวันตกของลํารางพร้อมบ้านเลขที่ 118 นั้น ไม่สมบูรณ์ ดังนั้น จําเลยผู้ขายย่อมนําพยานบุคคลมาสืบได้ว่าความจริงเป็นการทําสัญญาขายที่ดินเฉพาะส่วนด้านทิศตะวันออกแก่โจทก์ ไม่เป็นการนําสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารอันต้องห้าม ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 วรรคหนึ่ง (ข) 

จําเลยให้การชั้นสอบสวนครั้งแรกรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จําเลยไม่สามารถพูดหรือเข้าใจภาษาไทย มีการจัดหาล่ามให้ แต่ไม่ปรากฏว่าล่ามสาบานหรือปฏิญาณตนว่าจะทําหน้าที่โดยสุจริต ดังนี้ ถ้อยคํารับสารภาพจะรับฟังเป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของจําเลยได้หรือไม่

คําพิพากษาฎีกาที่ 648/2562 

จําเลยไม่สามารถพูดหรือเข้าใจภาษาไทย แม้พนักงานสอบสวนจัดให้เจ้าพนักงานตํารวจท่องเที่ยวและ พ. เป็นล่ามแปลคําให้การชั้นสอบสวนให้จําเลยฟัง แต่ไม่ปรากฏว่าล่ามสาบานหรือปฏิญาณตนว่าจะทําหน้าที่โดยสุจริตใจ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 13 วรรคสี่ ถ้อยคํารับสารภาพดังกล่าวของจําเลยจึงไม่สามารถรับฟังเป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของจําเลยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 134/4